Last updated: 30 Jan 2020 | 1811 View | Travel
เชื่อแล้ว !! ตามคำบอกเล่าว่า "สุขที่สุด@นครพนม" เพราะเป็นแหล่งรวมของความศักดิ์สิทธิ์ที่สุด + งามที่สุด + สวยที่สุดจริง ๆ .. ไม่ลองไม่รู้ !! ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด หมายถึง จ.นครพนมเป็นแหล่งรวมของพระธาตุสำหรับคนที่เกิดวันต่าง ๆ ที่พุทธศาสนิกชนควรมากราบไหว้ งามที่สุด ก็คงไม่พ้นแม่น้ำโขงที่ไหลพาดยาวและพาให้สองฝั่งทั้งไทยลาวงดงามไปด้วย สวยที่สุด คือ สะพานมิตรภาพไทยลาวนั่นเอง ที่เชื่อม 2 ประเทศให้ไปมาหาสู่และถ่ายทอดอารยธรรมถึงกันได้อย่างกลมกลืน สวยที่สุด คือ สะพานมิตรภาพไทยลาวนั่นเอง ที่เชื่อม 2 ประเทศให้ไปมาหาสู่และถ่ายทอดอารยธรรมถึงกันได้อย่างกลมกลืน เมืองรองที่น่าลองอย่างจ.นครพนมนี้ ผู้คนที่นี่มีวิถีชีวิตที่เรียบง่าย อบอุ่นและ Slow Life โดยแท้ ShutterGolf สัมผัสได้ถึงความสุขที่ไม่ต้องตะเกียกตะกายเพื่อการมีมากมายและชีวิตที่ไม่ต้องรีบเร่ง เริ่มวันใหม่ด้วยบรรยากาศของผู้คนที่พากันออกมาใส่บาตรในตลาด แล้วพากันแยกย้ายไปเรียน / ทำงาน / กิจกรรมของแต่ละคน ช่วงเย็นจะเห็นผู้คนมากมายมาออกกำลังกายบริเวณริมฝั่งโขง เช่น วิ่งและปั่นจักรยาน โดยเริ่มตั้งแต่จุด Landmark ทะลุผ่านอุโมงค์นาคราช (ทางจังหวัดต้องสร้างอุโมงค์นี้ขึ้น เพราะเป็นเส้นทางสัญจรผ่าน แต่ไม่ต้องการผู้คนลุกล้ำในเขตสงวน จึงทำเป็นอุโมงค์ขึ้นมานั่นเอง) จนไปถึงสะพานมิตรภาพไทยลาวเลย (ถ้าวิ่ง/ปั่นไหว .. รวมทั้งสิ้น 74 กิโลเมตร แต่บรรยากาศดีมาก น่าจะเพลินอยู่) พลบค่ำก็มีร้านอาหารและตลาดคนเดิน (เปิดศุกร์ - อาทิตย์) ด้วย ผู้คนในจ.นครพนมนี้ ประกอบไปด้วย 8 ชนเผ่า 2 เชื้อชาติ (จีนและเวียดนาม) ได้แก่ ไทยอีสาน, ไทยโส้, ไทยข่า, ไทยกะเลิง, ไทยญ้อ, ผู้ไทย, ไทยกวนและไทยแสก ดังนั้น ตามสถานที่ต่าง ๆ จะเห็นอารยธรรมและวัฒนธรรมที่ผสมผสานของแต่ละเชื้อชาติหลากชนเผ่าในจังหวัดนี้ผ่านสิ่งของเครื่องใช้และสถาปัตยกรรมนั่นเอง น่าลองมาเที่ยวกันนะ เพียง 3 วัน 2 คืนก็สามารถเก็บเกี่ยวประสบการณ์และสัมผัสได้ถึงสิ่งที่ ShutterGolf บรรยายมาได้เกือบทั้งหมด วันที่ 1 : บินลัดฟ้า เท้าแตะถึงนครพนมตอน 10.00 น. ก็เช่ารถขับตรงไปยังตลาดอินโดจีนทันทีเพื่อจะไปเที่ยวประเทศลาว ครึ่งวันในลาวก็เที่ยวได้หลายที่ แล้วก็กลับมาที่ด่านฝั่งประเทศลาวช่วงประมาณ 17.00 น. เพื่อรอเรือข้ามกลับไทย เมื่อถึงไทยก็ทานข้าวแล้วเดินย่อย + Shopping ที่ตลาดคนเดิน ที่นี่จะเห็นสินค้าพื้นบ้านหัตถกรรมเป็นจำนวนมาก + ของอร่อยหลากหลาย แต่ติดอยู่เรื่องเดียว คือ วันที่ ShutterGolf ไป ไม่มีโรตีน่ะ วันที่ 2 : เริ่มวันด้วยบุญ โดยการใส่บาตร วิ่งออกกำลังกายผ่านอุโมงค์นาคราช และทานข้าวเช้าบริเวณหอนาฬิกาในตลาด ช่วงเช้ากราบสักการะพระธาตุนคร ตั้งอยู่ริมฝั่งโขงเลย หากไปตอนเช้า ผู้คนยังไม่มาก อากาศยังไม่ร้อน ขอแนะนำให้มาในตอนเช้านะคะ แล้วไปต่อที่วัดนักบุญอันนา - พิพิธภัณฑ์จวนผู้ว่า ฯ (หลังเก่า) - จิบกาแฟที่ 76a Cafe (เป็นร้านที่ตั้งเด่นตระหง่านอยุ่ริมโขง คงโครงสร้างเดิมของตึกเก่าได้อย่างดีทีเดียว) และสุดท้ายจบวันที่ Gooba House ประทับใจ Gooba House (บ้านกูบา) เป็นพิเศษ เพราะนอกจากจะมีโซนร้านอาหารเครื่องดื่ม ที่สามารถมาชิมกาแฟ ชาเวียดนามและชาสมุนไพร มีของพื้นบ้านจำหน่ายแล้ว ยังเปิดให้ทุกคนเข้าชมบ้านโบราณ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด ซึ่งเป็นบ้านพักของโองกูบา (นายสุนทร วิจิตรเจริญ คหบดีผู้รับเหมาก่อสร้างชาวเวียดนาม) สภาพบ้านและเฟอร์นิเจอร์ได้รับการดูแลอย่างดีทีเดียว สไตล์ คือ แบบตะวันตก French Colonial เป็นบ้านที่ไม่มีเสาเข็มเหมือนสมัยใหม่นี้ ไม่มีเหล็ก ใช้ระบบแบบ Interlock ใช้อิฐและวัสดุที่เหลือจากการสร้างพระธาตุ ตั้งอยู่บนถนนสุนทรวิจิตรและครูบาถวาย การก่อสร้างและการปรับปรุงจะมีการศึกษาประวัติศาสตร์และโทนสีการตกแต่งเป็นอย่างดี เพื่อคงอดีตให้งดงามในปัจจุบัน ย่ำค่ำก็ล่องเรือชมความงามของแม่น้ำโขง ขอแนะนำว่า ควรทานเล็กน้อยก่อนลงเรือ เพราะอาหารบนเรือค่อนข้างล่าช้า อาจหิวระหว่างนั่งเรือได้ วันที่ 3 : ขับออกไปไกลหน่อย เพื่อไปสักการะพระธาตุพนมและพระธาตุเรณู มีโอกาสได้สัมผัสกับ "ต้นจามจุรียักษ์" เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่ง Unseen นครพนมเลยก็ว่าได้ จบวันด้วยบ้านลุงโฮจิมินท์และอนุสรณ์สถานประธานโฮจิมินท์
26 photos, 1490 View
17 photos, 1297 View
12 photos, 1102 View
47 photos, 1550 View
17 photos, 1310 View
18 photos, 2415 View